หลังจากการประกาศเปิดตัวแอปพลิเคชัน D.DOPA ของกรมการปกครอง เพื่อให้บริการระบบ “Digital ID” อาจทำให้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่า Digital ID คืออะไร และทำไมเราจึงควรรู้จัก Digital ID นี้
ในความเป็นจริง คำแปลของ Digital ID หรือ “การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล” ค่อนข้างตรงตัวและครอบคลุมลักษณะการใช้งานโดยรวมอยู่แล้ว โดย Digital ID เป็นการนำเทคโนโลยีมาเพื่อใช้งานใน 2 กระบวนการหลัก คือ 1) การพิสูจน์ตัวตน (Identification) ซึ่งเป็นการนำอัตลักษณ์หรือสิ่งที่สามารถใช้แทนตัวบุคคล เช่น ลายนิ้วมือ บัตรประชาชน Username หรือ Password มาพิสูจน์ว่าบุคคลทางดิจิทัลนี้เป็นบุคคลเดียวกันกับในโลกความเป็นจริง และ 2) การยืนยันตัวตน (Authentication) ซึ่งเป็นกระบวนการยืนยันความเป็นจริงของอัตลักษณ์หรือสิ่งแทนตัวบุคคลนั้นอีกที ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า Digital ID เป็นเสมือนโครงสร้างพื้นฐานทางในการระบุตัวตนบนโลกดิจิทัล ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับเราในการทำธุรกรรมหรือกิจกรรมต่างๆ ทางออนไลน์ได้
การพัฒนา Digital ID ของประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นจากความพยายามของหลายฝ่าย โดยมีทั้งการพัฒนา National Digital ID (NDID) จากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในธุรกิจการเงิน รวมถึงแทนบัตร หรือ Mobile ID ที่พัฒนาโดย คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อการยืนยันตัวตนด้วยเบอร์มือถือแทนบัตรประชาชน และการพัฒนาล่าสุดของ DOPA-Digital ID โดยกรมการปกครองเพื่อรองรับการใช้งานบริการภาครัฐ โดยมีวัตถุประสงค์หลักร่วมกัน คือ การสร้างความน่าเชื่อถือและความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมออนไลน์ นั่นเอง
หลายคนอาจเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า Digital ID มานานแล้ว ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะกลุ่มประเทศอย่างสหภาพยุโรปเองก็มีการใช้ Digital ID เรียกว่า “eID” ซึ่งให้บริการโดยคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ร่วมกับประเทศต่างๆ ในกลุ่มสหภาพ ตามกฎระเบียบ eIDAS ที่เริ่มปฏิบัติใช้มาตั้งแต่ปี 2014 โดยเป็นรากฐานที่ทำให้เกิดระบบทางดิจิทัลใหม่ๆ อีกหลายอย่างที่เรียกว่า “Trust Services” หรือบริการที่เชื่อถือได้ซึ่งให้บริการโดยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในสหภาพยุโรป เพื่อใช้พิสูจน์และยืนยันสิ่งต่างๆ ทางดิจิทัล เช่น eSignature เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของลายเซ็นดิจิทัล หรือ Time Stamping ที่ใช้ระบุวันและเวลาบนเอกสารทางดิจิทัลเมื่อมีการสร้างหรือเปลี่ยนแปลงเอกสาร เป็นต้น
โดยในปัจจุบัน หน่วยงาน ETDA หรือสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ก็มีการให้บริการ Trust Services บางส่วนในประเทศไทยแล้วเช่นเดียวกัน
การมี Digital ID สำหรับประเทศไทยนั้นถือเป็นจุดสำคัญที่จะช่วยยกระดับสังคมดิจิทัลของประเทศไทยเลยทีเดียว นอกจากการใช้ Digital ID บนแอปพลิเคชันแสดงแทนบัตรประชาชน หรือการพิสูจน์และยืนยันตัวตนเมื่อทำธุรกรรมออนไลน์ในปัจจุบัน Digital ID อาจเป็นรากฐานที่ทำให้เกิดบริการพื้นฐานอื่นๆ พัฒนาตามมาในโลกดิจิทัลก็เป็นได้ หนึ่งในตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจนของการสร้างสังคมดิจิทัลที่เชื่อมโยงบนพื้นฐานของ Digital ID คือ ประเทศเอสโตเนีย ซึ่งเป็นเพียงประเทศเล็กๆ ที่เริ่มผลักดันการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศมาตั้งแต่ปี 1994 เรื่อยมาจนทำให้ประเทศเอสโตเนียในปัจจุบันเป็นถึงผู้นำด้านการให้บริการสาธารณะด้านดิจิทัล (Digital Public Services) อันดับ 1 ของสหภาพยุโรป โดยประเทศเอสโตเนียมีโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่ล้ำหน้าอย่าง X-Road ซึ่งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลและบริการจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเข้าด้วยกัน เรียกได้ว่าผู้คนในประเทศเอสโตเนียสามารถใช้บริการใดๆ ก็ตามโดยไม่ต้องเสียเวลาให้ข้อมูลใหม่เพื่อรับบริการในแต่ละสถานที่เพราะการเชื่อมโยงดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่น การเข้าใช้บริการในโรงพยาบาลที่ใหม่โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลประวัติคนไข้ เนื่องมาจากระบบ e-Health Record ที่เชื่อมโยงข้อมูลจากผู้ให้บริการสาธารณสุขทั่วประเทศเอสโตเนีย หรือการรับยาจากร้านขายยาโดยไม่ต้องใช้เอกสารกระดาษ เนื่องจากระบบ e-Prescription ที่อำนวยความสะดวกให้แก่เภสัชกรในการออกใบจ่ายยาและผู้รับยาที่สามารถเลือกรับยาจากที่ไหนก็ได้เช่นเดียวกัน การให้บริการดังกล่าวของประเทศเอสโตเนียถือเป็นพื้นฐานการให้บริการดิจิทัลที่หลายประเทศได้ศึกษาและนำไปปรับใช้อย่างหลากหลาย อย่างเช่นในประเทศไทยก็เริ่มมีการพัฒนาแพลตฟอร์ม Heath Link เพื่อรวมข้อมูลสุขภาพโดย depa หรือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือโครงการรับยาใกล้บ้านจากนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข
ในปัจจุบัน หลายหน่วยงานด้านดิจิทัลของประเทศไทยได้พยายามอย่างมากที่จะสร้างความร่วมมือเพื่อผลักดันการพัฒนาสังคมดิจิทัลให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างครอบคลุม จะเห็นได้จากการนำเสนอแผนการพัฒนาดิจิทัล รวมถึงการจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางดิจิทัลโดยหน่วยงานที่โดดเด่น เช่น DGA หรือ ETDA โดยการมี Digital ID
ในประเทศไทยจะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เกิดภาพการพัฒนาสังคมดิจิทัลได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ประกอบกับหากมีการผลักดันการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงทางดิจิทัลที่แข็งแกร่งอาจทำให้สังคมดิจิทัลของประเทศไทยก้าวหน้าไปในอีกระดับ อย่างประเทศเอสโตเนียในปัจจุบัน ก็เป็นได้
ที่มา: ETDA, DGA, DOPA, NBTC, Techsauce, European Commission, E-Estonia