แนวโน้มและความต้องการของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยในอนาคต

สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV เป็นหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในห่วงโซ่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV value chain) โดยธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจากรายงานของ BloombergNEF ได้มีการคาดการณ์ไว้ว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง จาก 1.56 หมื่นคันในปี 2022 ไปเป็น 1.13 แสนคันในปี 2030 ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มียอดขายรวม 3.1 หมื่นคันและจะมียอดขาย 3.51 แสนคันในปี 2030 ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสถานีชาร์จ EV มีทิศทางขยายตัวตามไปด้วย

ระบบการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมี 3 ประเภทประกอบด้วย ประเภทที่ 1 การอัดประจุแบบช้าด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternative Current หรือ AC Slow Charge) เป็นการอัดประจุระดับ 1 ซึ่งเป็นรูปแบบที่ถูกใช้มากที่สุดทั่วโลก โดยจะนิยมชาร์จในที่พักอาศัย เนื่องจากระยะเวลาของการชาร์จใช้เวลานาน 8-10 ชั่วโมง ประเภทที่ 2 การอัดประจุแบบปกติด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternative Current หรือ AC Normal Charge) เป็นการอัดประจุระดับ 2 ซึ่งสามารถอัดประจุด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 22 KW โดยใช้เวลาในการชาร์จต่อครั้ง 4-7 ชั่วโมง และแบบที่ 3 การอัดประจุแบบเร็ว (Fast Charge) มีอยู่ 2 รูปแบบ คือ 1) การอัดประจุแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC Fast Charge) และ 2) การอัดประจุแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Fast Charge) ซึ่งทั้งสองรูปแบบสามารถทำการอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าจนถึงระดับ 80% ของความจุแบตเตอรี่ ภายในเวลาเฉลี่ยไม่เกิน 1.30 ชั่วโมง

จากข้อมูล เดือนกรกฎาคม 2565 พบว่า ประเทศไทยมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 1,447 สถานีทั่วประเทศ โดย EA Anywhere เป็นผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้ามากที่สุด 476 สถานี หรือร้อยละ 32.90 รองลงมาคือ SHARGE จากบริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด และ บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี (EVolt) จำนวน 300 และ 188 สถานีตามลำดับ.

เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ทางผู้เขียนมีความเห็นว่าธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเป็นโอกาส และมีความต้องการอีกมากเพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งสิ่งที่ตามมา และหลีกเลี่ยงได้ยากคือ ธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในระยะข้างหน้าจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้นจากหลายหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุน อาทิเช่นกลุ่มพลังงาน กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มยานยนต์เป็นต้น ซึ่งสุดท้ายผู้บริโภคในประเทศไทยจะได้ประโยชน์สูงสุด รวมถึงกล้าตัดสินใจจากองค์ประกอบเหล่านี้ และหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต

Source:

https://www.autospinn.com/2022/07/ev-charge-station-90533

https://www.thansettakij.com/economy/526519

https://techsauce.co/pr-news/energy-transition-driven-ev-station-to-bcg-economy

https://www.krungsri.com/th/research/research-intelligence/ev-survey-22

Contact
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
สอบถามทางโทรศัพท์
+66 2 677 7270-5
10th Floor, Q. House Lumpini Building,
No. 1 South Sathorn Road, Tungmahamek, Sathorn, Bangkok 10120, Thailand