ปรากฎการณ์การร่วมมือระหว่างแบรนด์ หรือ การคอลแลบส์ (Collab) ระหว่างแบรนด์ (Brand collaboration) นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาด (Marketing strategy) ที่สามารถพบเห็นได้ในหลายประเทศทั่วโลก เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างสีสรรค์ที่ทำให้เกิดความแปลกใหม่ ไม่จำเจในตัวแบรนด์แล้ว กลยุทธ์ดังกล่าวยังสามารถที่จะสร้างภาพจำของแบรนด์ และขยายฐานลูกค้าให้แบรนด์นั้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า และส่งผลดีในระยะยาวกว่าการลงทุนทำโฆษณาฟอร์มใหญ่ในบางครั้งเสียอีก การคอลแลบส์ระหว่างแบรนด์ เป็นที่รู้จักอย่างสากลโดยการนำเสนอผ่านใช้สัญลักษณ์ “X” เชื่อมระหว่างชื่อของแบรนด์ทั้งสอง  นับเป็นการผสมผสานโดยคำนึงถึงทั้งความเหมือนและความแตกต่างที่พบกันได้อย่างลงตัว ผู้บริโภคจะสามารถพบเห็นสินค้าที่เกิดจากการคอลแลบส์วางขายอยู่ในช่องทางการขายของแบรนด์ทั้งสองฝ่าย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เฉกเช่นเดียวกับสินค้าอื่น ๆ ของทางแบรนด์ เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้ หลายท่านคงพอจะนึกถึงการคอลแลบส์ที่ท่านเคยเห็นผ่านตามาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการคอลแลบส์ระหว่างแบรนด์ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมแฟชั่น และในอีกหลาย ๆ อุตสาหกรรม

อย่างในกรณีของสินค้าด้านบนที่จัดอยู่ในสินค้าของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม คือ (1) Nipponham X Ippudou ที่เป็นการคอลแลบส์ระหว่าง Nipponham แบรนด์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตสินค้าจะพวกเนื้อสัตว์ และ Ippudo หนึ่งในร้านราเมงเลื่องชื่อของญี่ปุ่นที่ปัจจุบันได้ทำการขยายสาขามาในประเทศไทยเป็ยที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองบริษัทได้จับมือกันผลิต หมูชาชูสำเร็จ พร้อมนำไปปรุง อันเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถแสดงถึงจุดเด่นของทั้งสองบริษัทขึ้นมาได้อย่างเฉลียวฉลาด และ (2) Craftsake X KitKat ที่เป็นการคอลแลบส์ระหว่าง Craftsake แบรนด์ผู้รังสรรค์สาเกญี่ปุ่นมากมายหลายชนิดและ KitKat แบรนด์ขนมช็อคโกแลตที่เป็นที่รู้จักในระดับโลกได้จับมือร่วมกันทำ KitKat รสสาเกญี่ปุ่นขึ้นมาวางขาย (รสสาเกญี่ปุ่น รสอุเมชุหรือเหล้าบ๊วยญี่ปุ่น และรสเหล้ายูซุ เรียงลำดับจากด้านซ้ายไปขวา)

นอกจากการคอลแลบส์ในข้างต้น ยังมีสินค้าที่เกิดจากการคอลแลลส์ระหว่างแบรนด์ดังระดับโลกที่สร้างความระทึกใจให้ผู้บริโภคต้องสรรหามามีไว้ในครอบครองอีกมากมาย ในกรณีนี้ ขอยกตัวอย่างเป็นการคอลแลบส์ระหว่างยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นอย่าง (1) Balenciaga X Crocs โดยมี Balenciaga หนึ่งในแบรนด์สินค้าลัคชูรีสายสตรีท ที่เป็นแนวหน้าในวงการแฟชั่นมาร่วมกันออกแบบสินค้ากับ Crocs แบรนด์รองเท้าหน้าตามีเอกลักษณ์อันแหวกแนวไม่เหมือนแบรนด์อื่น ๆ ทจึงทำให้เกิดสินค้าที่เป็นที่จับตามองของนักสะสมสินค้าสายลัคชูรีเป็นอย่างมาก และ (2) Gucci X Adidas โดย Gucci ที่เป็นอีกหนึ่งในยักใหญ่ของวงการสินค้าลัดชูรีมาร่วมกันออกแบบสินค้า อาทิ รองเท้า หมวก กระเป๋า และเสื้อผ้า ร่วมกับแบรนด์เครื่องแต่งกายกีฬาที่โงดังอย่าง Adidas จนทำให้ออกมาเป็นสินค้าที่มีความลัคชูรีและดูทะมัดทะเมงไม่เหมือนใคร

ที่ผ่านมา กลยุทธ์ทางการตลาดโดยคอลแลบส์นั้นถูกพบได้มากในต่างประเทศ อย่างไรก็ดี ในช่วง 2 – 3 ปีให้หลังมานี้ การคอลแลบส์ระหว่างแบรนด์ไทยนั้นมีให้พบเห็นมากขึ้นฉกเช่นเดียวกันอาทิเช่น (1) Ichitan X Nestle แบรนด์ไอศครีมชื่อดัง Nestle และแบรนด์เครื่องดื่มที่เป็นที่รู้จักทั่วประเทศอย่าง Ichitan ได้มีการคิดค้นไอศครีมรสน้ำผึ่งมะนาว หรือรสชาติที่ทาง Ichitan ได้วางขายอยู่แล้ว และ (2) Lays X OK Generation (MAMA) แบรนด์ขนมคบเคี้ยวระดับโลกอย่าง Lays และ OK Generation แบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเครื่องของ MAMA เจ้าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทย ที่ได้มีการผลิตทั้ง เลย์และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสชาติชิลลี่แครบและมิโซะบัตเตอร์ เพื่อสรรสร้างประสบการณ์ใหม่ในการบริโภคให้ผู้บริโภค

ที่มาของภาพ : Nipponham, Craftsake, Balenciaga, Gucci